คู่ซี้วีรกรรมเฟี้ยว: 10 ดูโอ้แข้งระดับโลกที่ซี้ย่ำปึ้กกันทั้งใน… และนอกสนาม

ฟุตบอลคือกีฬาที่ทุกตำแหน่งต้องมีความเข้าใจกันเป็นอย่างดีซึ่งนั่นเป็นที่มาของทีมที่มีศักยภาพ ซึ่งหากจะเป็นเช่นนั้นเเล้วความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนนอกสนามก็มีความสำคัญและส่งผลถึงเป้าหมายไม่ต่างกัน และนี่คือเหล่าคู่ซี้ไม่มีซั้วที่เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งในและนอกสนาม

ดไวท์ ยอร์ค และ แอนดี้ โคล



เขาคือคู่หูรู้ใจในแดนหน้าที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดคว้าทริปเปิ้ลเเชมป์ในปี 1999 มาเเล้ว และตลอดระยะเวลส 4 ปีที่ร่วมงานกันในถิ่นโอดล์แทรฟฟอร์ดทั้ง ยอร์ค และ โคล กลายเป็นหนึ่งในคู่กองหน้าที่หลายคนให้คำจำกัดความว่าทั้งคู่ "ใช้พลังจิต" เพื่อสื่อสารกันในสนาม

แท้จริงแล้วมันอาจจะดูเกินจริงพอสมควร เรื่องที่ง่ายที่สุดที่พอจะคาดเดาได้ว่าทำไมทั้งคู่จึงเข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือพวกเขา เป็นสนิทกันในชีวิตจริงนั่นเอง

โคลได้ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนหลังจากนั้น ยอร์ค ก็ย้ายมาจาก แอสตัน วิลล่า มาในปี 1998 " เมื่อ ยอร์ค ย้ายมาอยู่กับทีมครั้งแรก มีแต่คนบอกว่าเขาจะมาแทนผม แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดอะไรเขานะเพราะผมพยายามจะทำให้เกิดความสบายใจ ผมออกไปแสดงให้เห็นว่าเราควรจะอยู่จุดไหนจึงจะดีที่สุด ผมเชิญเขามากินข้าวเย็นกันและหลังจากนั้นมิตรภาพของเราก็เติบโตขึ้นจากจุดนั้นนั่นเอง"

นอกจากมิตรภาพจะเบ่งบานและโทรฟี่ต่างๆก็หลั่งไหลมาให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ครอบครอง จริงอยู่ที่ต้องขอบคุณผลงานจากนักเตะทุกคนแต่ไม่อาจปฎิเสธได้ว่า ยอร์ค และ โคล นั้นส่วนสำคัญของความสำเร็จครั้งนี้

"ผมอยู่กับ ยูไนเต็ด และได้ยินข่าวลือมานานว่าเราจะได้ตัว อลัน เชียเรอร์ แต่เขาก็ไม่อยากมา จากนั้นไม่นานเราก็พลาดคว้าตัว แพทริก ไคลเวิร์ต อีกคนหนึ่งแต่สุดท้ายหวยก็มาออกที่ ดไวท์ ยอร์ค และหลังจากนั้นเราก็คว้าทริปเปิลเเชมป์" โคล เปิดใจถึงมวยแทนอย่าง ยอร์ค ที่กลายมาเป็นเพื่อนซี้กับเขาในภายหลัง

ถ้าคุณยังสงสัยว่าพวกเขานั้นไว้ใจกันมากขนาดไหนแล้วละก็นี่คงช่วยบอกอะไรได้บ้าง เพราะมีข่าวลือกันให้แซ่ดว่าทั้งคู่ร่วมกันบรรเลงเพลงรักกับสตรีเพียงคนเดียวที่มีชื่อว่า จอร์แดน  ว่ากันว่าทั้ง 2 คนให้กับจำกัดความกับประสบการณ์ครั้งนี้ว่าเหมือนกับอยู่ในความฝันเลยทีเดียว

โรแบร์โต้ คาร์ลอส และ โรนัลโด้



โรนัลโด้ไม่ใช่เพื่อนของผม? .... หลายคนอาจคิดว่าประโยคนี้จากปาก โรแบร์โต้ คาร์ลอส แสดงออกถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างเขาและโรนัลโด้ ... แต่เปล่าเลยพวกเขาเป็นยิ่งกว่าเพื่อนกันเสียอีก

ทั้ง โรนัลโด้ และ คาร์ลอส ถูกยกย่องให้เป็นตำนานของทีมชาติบราซิล ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกอะไรจากความยอดเยี่ยมของฝีเท้าพวกเขา ... สิ่งที่เห็นได้ชัดจากความสนิทสนมของทั้งคู่คือการเล่นเข้ากันได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยไม่ว่าจะในนามทีมชาติที่พาทัพแซมบ้าคว้าแชมป์โลกและพาเรอัล มาดริด กวาดแชมป์มามากมาย

"เขา (โรนัลโด้) เป็นเหมือนกับน้องชายของผม ผมปฎิบัติกับเขาด้วยความรักความห่วงใยและความเคารพเสมอ และเราสนิทกันตั้งแต่อายุ 17 ผี ผมนอนห้องเดียวกับเขาบ่อยกว่าภรรยาของผมเสียอีก"

เรื่องราวมันชัดเจนอย่างธรรมชาติเพราะไม่นานมานี้ คาร์ลอส ก็เคยจัดการ ไมเคิล โอเว่น ที่แซว โรนัลโด้ ถึงร่ายกายที่อ้วนฉุของ R9 มาเเล้ว และแน่นอนว่ามันเป็นการจัดหนักเพื่อน้องชายคนนี้เสียด้วย "ผมไม่ชอบตลกฝืดแบบนี้....โรนัลโด้คือเพื่อนที่ดีมากของผมและบางทีคุณต้องระวังคำพูดให้มากกว่านี้ มันไม่ได้อยู่ที่น้ำหนักเลย มันอยู่ที่หัวใจของเขามากกว่ากว่า ซึ่งโรนัลโด้นั้นมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ" แบ็คซ้ายตีนหนักยืนยันว่าการอยู่ทีมเดียวกันก็ไม่ได้แปลว่าสนิทกันเสมอไป...ซึ่ง โอเว่น คงรับรู้เเล้ว

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ แม็กซ์เวลล์



สัญชาติไม่ได้เป็นกำแพงกันมิตรสภาพของ 2 นักเตะอย่าง ซลาตัน และ แม็กซ์เวลล์ เลย พวกเขามีเอเย่นต์คนเดียวกัน และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ยังที่ยังไม่ได้เป็นดาวเตะชื่อก้องโลกแบบทุกวันนี

เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อครั้งปี 2001 ที่ทั้งคู่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่งของ อาหยักซ์ ทั้งซลาตัน และ แม็กซ์เวลล์ เป็นหน้าใหม่ของทีมและความโดดเดี่ยวในเเดนไกลทำใหพกเขาสนิทชิดเชื้อกันขึ้นมา ซลาตัน ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นและยกย่องว่า แม็กซ์เวลล์ เป็นเพื่อนคนสำคัญของชีวิตเขาเสมอ

"ผมเจอปัญหาในช่วงเดือนแรกกับอาหยักซ์ ผมแทบจะไม่มีเงินใช้เลยเพราะเงินเดือนยังไม่ออก ... บ้านหลังใหญ่ของผมมีแค่โทรทัศน์และเตียงนอนเท่านั้น" ซลาตันกล่าวถึงความลำบากที่เผชิญกับความหิวโหยในช่วงตั้งไข่ในต่างเเดน

เขาไม่รู้จะพึ่งใคร เขาหิวและไร้ทางเลือกจึงลองโทรหา แม็กซ์เวลล์ ที่รู้จักกันที่สนามบินเพื่อขอความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่สิ้นไร้ไม้ต่อ "ฟังนะเพื่อนฉันมีปัญหาแล้วว่ะ ฉันต้องการความช่วยเหลือแบบสุดๆในตอนนี้" ซลาตัน ยอมเล่าปัญหาให้กับคนทีเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน ซึ่งปลายสายตอบกลับมาว่า "ได้เลย ไม่มีปัญหา" ... "จากนั้นผมก็เลยไปค้างที่บ้านเขาเป็นเวลา 2 อาทิตย์ ปาร์ตี้ กินข้าว และ ไปสนามซ้อมพร้อมๆกัน จนกว่าเงินเดือนผมจะออกนั่นแหละ" ซลาตัน ปิดท้าย

ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่นั้นมา ซลาตัน และ แม็กซ์เวลล์ ย้ายทีมไปอยู่ด้วยกันหลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์, บาร์เซโลน่า และ เปแอสเช แน่นอนว่ามิตรภาพของพวกเขายังแน่นแฟ้นไม่เปลี่ยนแปลง และสิ่งนี้ช่วยยืนยันได้ว่า "ยามที่เราลำบาก เราจะรู้ได้ว่าใครคือเพื่อนแท้"

มาริโอ เกิตเซ่ และ มาร์โก รอยส์



ทั้ง เกิตเซ่ และ รอยส์ เป็นเหมือนโกลเด้นบอลของวงการฟุตบอลเยอรมันที่โด่งดังขึ้นมาพร้อมๆกัน พวกเขามา ดอร์ทมุนด์ ประสบความสำเร็จร่วมกันมากมายแต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่มักจะโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยๆ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นอกจากจะเป็นเพื่อนร่วทีมเเล้วพวกเขายังเป็นเพื่อนซี้ย่ำปึ๊กกันอีกด้วย ทั้ง รอยส์ และ เกิตเซ่ นั้นมีอะไรเหมือนๆกันหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น นักเล่นเกมฟีฟ่าตัวยง หรือแม้แต่กระทั่งการเป็นติ่งนักร้องดังอย่าง จัสติน บีเบอร์   นั่นคือ 2 ความสนใจนอกจากฟุตบอลที่ทั้งคู่มักจะใช้เวลาร่วมเสมอๆ

ใช่แต่ช่วงที่มีความสุขเท่านั้นที่ทั้งคู่ร่วมเสพ ยามที่มีทุกข์พวกเขาจะคิดถึงกันเป็นคนแรกๆเสมอ ยกตัวอย่างเช่นครั้งที่ทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์ฟุตโลกปี 2014 ที่ รอยส์ ในฐานะนักเตะตัวหลักของทัพอินทรีเหล็กได้รับบาดเจ็บก่อนทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มจนต้องถอนตัวไปจนอดเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์แชมป์โลกสมัยที่ 4 ... แม้หลายคนจะลืม รอยส์ ไปและมัวฉลองชัยอยู่ แต่นั่นไม่ใช่กับ เกิตเซ่ เพราะเขาไม่ลืมที่ชูเสื้อของ รอยส์ ร่วมฉลองชัยในเกมดังกล่าวด้วยและยกย่องว่า รอยส์ คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งนี้

ไม่ใช่ เกิตเซ่ เท่านั้นที่แสดงออกถึงมิตรภาพ รอยส์ เองก็เช่นกัน เมื่อครั้งที่ เกิตเซ่ เล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค และโดนวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำลงไปกว่าเดิมมากมายจนทำให้มีข่าวว่าเสือใต้เตรียมลอยแพเขาให้กับ ดอร์ทมุนด์ ... อย่างไรก็ตามแฟนบอลเสือเหลืองกาหัวไว้ว่า เกิตเซ่ เป็นจูดาสเลยมีประเเสต่อต้านเกิดขึ้น  แต่ รอยส์ คือคนแรกที่ส่งข้อความผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คถึงการย้ายกลับ ดอร์ทมุนด์ ของ เกิตเซ่ว่า "ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะเพื่อน" ... แม้จะเป็นข้อความสั้นๆแต่มันแสดงออกถึงความจริงใจได้เป็นอย่างดี และทันทีที่การเซ็นสัญญาลุล่วง เกิตเซ่ ให้สัมภาษณ์ถึงมิตรภาพของเขาและ รอยส์ อย่างกินใจว่า "ชีวิต ทำให้เราเป็นเพื่อนกัน แต่ฟุตบอล ทำให้เราเป็นพี่น้องกัน"

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ นานี่



พวกเขาคือเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ที่เติบโตมาจากระบบเยาวชนของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทั้งคู่ ซึ่ง นานี่ ก็ยอมรับว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั้นเป็นเหมือนกับพี่ชายแท้ๆของเขาเลยทีเดียว

โรนัลโด้ นั้นย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนหลังจากนั้นไม่กี่ปี นานี่ ก็ตามไปติด และภาพที่จะออกผ่านสื่อเป็นประจำหลังจากนั้นคือ นานี่ มักจะทำตัวติดกับ โรนัลโด้ อยู่เสมอ พวกเขาฉลองคริสต์มาสร่วมกัน ไปสนามซ้อมด้วยรถคันเดียวกัน และนั่นรวมถึงให้กำลังใจในยามที่ต่างฝ่ายต่างเจอปัญหาเสมอมา

"เมื่อผมมาถึงแมนเชสเตอร์ คริสเตียโน่ ช่วยผมไว้เยอะมาก ผมอาศัยอยู่กับเขาเลยในช่วง 2-3 เดือนแรกและเขาคือพี่ชายคนสำคัญที่ทำให้ผมตั้งหลักได้ ... เขาพูดอังกฤษได้และผมเรียนจากเขา นอกจากภาษาเเล้วผมยังเรียนรู้ความเป็นมืออาชีพจากเขาด้วย" นานี่ กล่าวถึง โรนัลโด้

มิตรภาพของทั้งคู่ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆแม้ปัจจุบันจะอยู่กับคนละสโมสรก็ตาม โดยชัดเจนที่สุดคือหลังจากที่ทั้ง นานี่ และ โรนัลโด้ พาทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ยูโร 2016 ได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ ทั้งคู่ยิงได้ 3 ประตูเท่ากันในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าวแต่โรนัลโด้ทำแอสซิสต์ได้มากกว่าจึงทำให้เขาคว้ารางวัลรองดาวซัลโวไปครอง อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ ตัดสินใจทำในสิ่งที่พี่ชายคนหนึ่งควรจะทำ เขามอบรางวัลดังกล่าวให้กับ นานี่ ด้วยเหตุผลที่ว่า "นานี่ สมควรจะได้รับมัน"

ปาตริซ เอฟร่า,ปาร์ค จี ซอง และ คาร์ลอส เตเบซ



พวกเขาอาจจะมาจากคนละชาติและคนละเส้นขอบโลก แต่ความเป็นเพื่อนอของพวกเขาก็กลมเกลียวให้เห็นออกสื่อมากมาย นอกจากความสำเร็จนอกสนามแล้วทั้ง 3 คนยังพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าโทรฟี่มามากมาย

เอฟร่า นั้นเป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่มักจะเข้ากับนักเตคนอื่นๆได้ดีทุกคน เขาเชื่อมให้ทั้ง เตเบซ และ ปาร์ค เขามาเป็น 3 เพื่อนซี้ร่วมกันนั่นจึงทำให้เกิดภาพน่ารักๆเกิดขึ้นบ่อยๆโดยเฉพาะในวันเกิดของดาวเตะชาวเกาหลีใต้ที่ดูทำท่าว่าจะจบด้วยดินเนอร์ธรรมดาๆกับครอบครัว แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าทั้ง เอฟร่า กับ เตเบซ ก็เข้ามาเซอร์ไพรส์ก่อนทั้ง 3 คนจะกอดกันกลมเลยทีเดียว

"เอฟร่าคือตัวโจ๊กประจำทีมเขาเป็นเพื่อนแท้ของ พาร์ค เลยล่ะ ครั้งที่ ปาร์ค ย้ายมาอังกฤษใหม่ๆ เอฟร่า คือคนที่อยู่ด้วยกันเสมอเพราะทั้งคู่มีภาษาอังกฤษที่แย่ทั้งคู่(หัวเราะ) จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นคู่ขามองตารู้ใจกันทั้งในและนอกสนาม ซึ่ง เอฟร่า ก็ยอมย้ายบ้านมาอยู่ใกล้กับ พาร์ค เหลือเพียง2 ช่วงตึก" หลุยส์ นานี่ เพื่อนร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด เล่าถึงเพื่อนซี้ต่างสัญชาติทั้ง 3  "เตเบซ เอฟร่า และ ปาร์ค คือทริโออย่างแท้จริงเเละเมื่อถามว่าทำไมพวกเขาถึงต้องอยู่ใกล้กัน? ... นั่นก็เพราะว่าพวกเขาสามารถเชื่อใจกันได้และแบ่งปันความรู้สึกที่แท้จริงได้นั่นเอง"

แม้จะต้องแยกจากกันเพราะต่างคนต่างต้องย้ายทีมไป อย่างไรก็ตามทั้ง 3 ยังหาโอกาสกลับมาพบเจอและร่วมงานกันเสมอ เมื่อไม่น่ามานี้ พาร์ค ก็เคยพา เอฟร่า มาออกรายกัน "รันนิ่งแมน" ที่เป็นรายการดังของเกาหลีใต้ร่วมกันอีกด้วย

ชาบี อลอนโซ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด



พวกเขาทั้งคู่รังสรรค์ผลงานทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 5 มาครองได้สำเร็จในค่ำคืนมหัศจรรย์ที่อิสตันบูล และในการฉลองถ้วยแชมป์บิ๊กเอียร์นั้นมีการเปิดเผยว่าทั้งคู่ "จูบกัน" อีกด้วย

"มันคืออะไรที่ยอดเยี่ยม" นี่คือสิ่งที่ตำนานของลิเวอร์พูลพูดถึงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเขากับ อลอนโซ่ ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกอะไรนักเพราะในยามที่ทั้งคู่ลงสนามพร้อมกันในเเดนกลาง หงส์เเดง ก็มักจะได้รับผลงานแข่งขันสวยๆหลังจบเกมเสมอ

 "เขาเป็นแรงบันดาลใจ ในสนาม เขาคือตำนาน แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ถ่อมตัวมากๆ ด้วย วิธีที่เขาปฏิบัติต่อทุกคนคือแนวทางที่คุณอยากที่จะให้ความเคารพต่อใครสักคน เขาคือเพื่อนแท้ คนที่คุณสามารถไว้ใจได้ ไม่ว่าในหรือนอกสนามก็ตาม" นี่คือสิ่งที่ ชาบี ยอมเปิดใจถึงความยิ่งใหญ่ของเพื่อนซี้ของเขาหลังจากที่ เจอร์ราร์ด ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปเมื่อปลายปีที่เเล้ว

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ชาบี ตัดสินใจแขวนสตั๊ดหลังจากจบฤดูกาลนี้กับ บาเยิร์น ซึ่ง เจอร์ราร์ด ก็ตอบกลับด้วยถ้อยคำที่ยืนยันว่าแม้จะถึงวันที่ทั้งคู่โบกมือลาฟลอร์หญ้าแต่ความสัมพันธ์และความเคารพที่มีให้กันยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย

"ชาบี นายคือนักเตะคุณภาพที่แท้จริง มีชั้นเชิงในสนามและเปี่ยมไปด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ  มีความสุขที่ได้ลงเล่นเคียงข้างนาย และคิดถึงนายทุกวันตั้งแต่ที่จากลิเวอร์พูลไป ขอแสดงความยินดีด้วยกับอาชีพนักเตะที่สมบูรณ์แบบและขออวยพรให้นายและครอบครัวพบเจอแต่สิ่งที่ดีในวันข้างหน้า...นายคือตำนาน” เจอร์ราร์ด เผยหลังรู้ว่าเพื่อนซี้ของเขาประกาศแขวนสตั๊ดไปเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

เชส ฟาเบรกัส และ เคราร์ด ปีเก้



นอกจาก ลา มาร์เซีย จะขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์ฝึกที่บ่มเพาะนักเตะระดับปีศาจให้กับ บาร์เซโลน่า เเล้วสถานที่แห่งนี้ยังสร้างเพือนแท้มานักต่อนัก นั่นรวมถึง 2 นักเตะทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลกอย่าง เชส ฟาเบรกาส และ เคร์ราร์ด ปีเก้ ด้วย

พวกเขาทั้งคู่เล่นฟุตบอลและกินนอนด้วยกันตั้งแต่ 7 ขวบ แม่ของปีเก้มักเคยออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งเมื่อลูกชายกลับจากศูนย์ฝึก ลา มาร์เซีย ก็มักจะมาคุยโวเสมอว่าตนเองนั้นเป็นพี่ใหญ่ของทีมโดยมีลูกไล่คนสนิทอย่าง เชส ที่คอยเป็นเพื่อนใกล้ตัวอยู่ไม่ห่าง บ่อยครั้งที่ เชส จะมาค้างที่บ้านของ ปีเก้ อยู่เสมอ

ทั้งเชส และ ปีเก้ ต้องเจอเส้นทางค้าแข้งคล้ายๆกัน ทั้งคู่ยังไม่เคยลงเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า ชุดใหญ่เลยก็ถูกทีมยักษ์ใหญ่จากอังกฤษอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ดึงตัวทั้งคู่ไปร่วมทีม อย่างไรก็ตาม ปีเก้ นั้นย้ายกลับมาก่อน 3 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ห่างกัน ปีเก้ ก็หวังเสมอว่าเพื่อนซี้ของเขาจะกลับมาลงเล่นเคียงข้างกันอีกครั้ง

"มันคงเยี่ยมมากถ้าได้เห็น เชส เพื่อนของผม ได้กลับมาเล่นที่ คัมป์ นู อีกครั้ง" นี่คือสิ่งที่ ปีเก้ ให้สัมภาษณ์หลังจากถูกสื่อถามว่าอยากจะขอพรอะไรในช่วงปีใหม่นี้ ซึ่งฝันของเขาก็เป็นจริงจนได้ เชส กลับมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า อีกครั้งในปี 2011 และทั้งคู่ก็พาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีก้า เหมือนที่เคยฝันไว้เมื่อครั้งที่เป็นเด็ก

ฟิลิปโป้ อินซากี้ และ คริสเตียน วิเอรี่

สองดาวยิงระดับตำนานของวงการฟุตบอลอิตาลีลืมตามาดูโลกห่างกันแค่ไม่ถึง 1 เดือน (วิเอรี่ เกิด 12 กรกฎาคม อินซากี้ เกิด 9 สิงหาคม) พวกเติบโตและโด่งดังในเวลาไล่เลี่ยกัน แม้ในสนามพวกเขาจะอยู่กันคนละทีมแต่ในชีวิตจริงทั้งคู่กับซี้ย่ำปึ๊กชนิดที่ใครคาดไม่ถึง

"ตัวผมเองและ คริสเตียน วิเอรี่ อยากจะลงเล่นร่วมกันแบบสุดๆ เราไม่เพียงแค่ลงสนามพร้อมกันเเละทำได้ดีแต่การเป็นเพื่อนสนิทกันของเราก็เป็นสิ่งที่ทุกคนได้เห็นเเล้ว โค้ชพยายามจะจับเราเล่นร่วมกันให้ด้ น่าเสียได้ที่ผมต้องเจ็บตอนทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลก" อินซากี้ ให้สัมภาษณ์หลังจากลงเล่นร่วมกับ วิเอรี่ ในนามทีมชาติอิตาลีและเขายิงแฮตทริกได้ในเกมที่ชนะ เวลส์ 4-0 ในศึกฟุตยูโร 2004 รอบคัดเลือก



แม้จะไม่ได้ลงเล่นด้วยกัน แต่พวกเขาก็เริ่มเพราะเป็นรูมเมทกันในทีมชาติอิตาลีชุดที่ไปแข่งฟุตบอลโลก 1998 รวมถึงฟุตบอลโลกปี 2002 อีกด้วย ลากยาวปัจจุบันทั้งคู่ล่วงเลยเข้าสู่วัย 43 ปี แต่ยังคงไปมาหาสู่และพูดถึงกันผ่านสื่ออยู่บ่อยๆ  โดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาที่ ยูเวนตุส ซื้อตัว กอนซาโล่ อิกวาอิน ด้วยค่าตัว 90 ล้านยูโร อินซากี้ ก็ให้สัมภาษณ์แนวหยิกเเกมหยอกว่าบางทีเขาก็สงสัยว่าตัวเขาเองและวิเอรี่จะมีค่าตัวเท่าไหร่หากยังค้าแข้งอยู่ในทุกวันนี้

เคลาดิโอ คานิกเกีย และ ดิเอโก้ มาราโดน่า

เคลาดิโอ คานิกเกีย คือเพื่อนซี้ที่อยู่เคียงข้างอัจฉริยะลูกหนังอย่าง ดิเอโก้ มาราโด้ หากถามว่าซี้กันขนาดไหนพวกเขาทั้งคู่ก็เคยฉลองประตูด้วยการจูบปากกันมาเเล้วสมัยที่ยังเล่นให้กับ โบค่า จูเนียร์ส ซึ่งนั่นก็คงไม่แปลกอะไรนักเมื่อทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเรียนเลยทีเดียว

ทั้งคู่เกิดในกรุ่งบัวโนสไอเรสทั้งคู่ มาราโดน่า นั้นอายุมากกว่า คานิกเกีย อยู่ 6 ปี ว่ากันว่าเมื่อไรก็ตามที่ทั้งคู่ลงสนามพร้อมๆกัน ตำแหน่งอื่นๆก็แทบจะมีหน้าที่แค่คอยส่งบอลให้สองคู่หูต่างวัยคู่นี้เท่านั้น พวกเขาได้ร่วมงานกันในฟุตบอลโลกปี 1990 ทว่ารอบชิงต้องพ่ายต่อ เยอรมันตะวันตกไป 0-1 อย่างน่าเสียดาย และมันยิ่งน่าเสียดายคูณสอง เมื่อ มาราโดน่า และ คานิกเกีย พลาดลงเล่นฟุตบอลโลกปี 1994 ที่ประเทศอเมริการ่วมกันเพราะ "เสือเตี้ย" โดนโทษแบนห้ามลงเเข่งขันเพราะไม่ผ่านการตรวจโด๊ป ซึ่ง คานิกเกีย เชื่อว่าต้นเหตุจากการเเบนนั้นเกิดจากการที่ชาติอื่นๆกลัว มาราโดน่า มากกว่า

"ผมคิดว่า ดิเอโก้ คือเหยือของฟุตบอลโลกครั้ยนั้น เขาทำผลงานได้ดีจนใครๆต่างกลัวว่า อาร์เจนติน่า จะเข้าชิงชนะเลิศหรือคว้าแชมป์อีกครั้ง" คานิกเกีย ออกตัวแทนเพื่อนซี้อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้หลังจากที่โลกได้รู้จัก ลิโอเนล เมสซี่ และหลายคนยกย่องให้ เมสซี่ เหนือกว่า มาราโดน่า นั้น คานิกเกีย ก็เป็นคนแรกที่เถียงเรื่องนี้แบบคอเป็นเอ็น



"จริงอยู่ที่ เมสซี่ เป็นหมายเลข 1 ของโลก แต่นั่นเทียบไม่ได้กับ มาราโดน่า ไม่มีใครยิ่งใหญ่เท่าเขาอีกเเล้ว เขาพานาโปลีได้แชมป์ทั้งๆที่เป็นการแบกทีมไว้ด้วยตัวคนเดียว ไม่มีใครบนโลกนี้ทำแบบนั้นได้แน่นอน" คานิกเกีย กล่าวอย่างมั่นใจ

แทงบอล สมัครเอเย่นต์ufabet

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จุดเด่น จุดอ่อน ของแผนฟุตบอล 4-4-2

10 แข้งเก่งและสวยมาก