10 แข้งขิงแก่ฝีเท้าเด็ดกว่าเดิมตอนอายุเกิน 30

ไม่จริงเสมอไปที่ทุกๆเรื่องจะต้องพึ่งพาคนหนุ่ม และปล่อยผ่านพวกเสือเฒ่าไม้ใกล้ฝั่ง...หลายครั้งเมื่อนักเตะแก่ตัวไปก็ได้รับการเหลียวแลน้อยลงแต่ต้องไม่ใช้พวกเขาเหล่านี้แน่นอน พวกเขาไม่เอาอุปสรรคเรื่องอายุมาบัดบังฝีเท้า

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช



232 ประตู จาก 529 นัด คือ สถิติของ "พระเจ้า" ในวัยก่อน 30 ปีเต็ม และ 254 ประตู จาก 301 เกม คือ สถิติหลังจากที่ ซลาตัน อายุเกิน 30 ปีขึ้นมา

ดังนั้นไม่ต้องบอกเลยว่า อดีตดาวยิงทีมชาติสวีเดน คือ นักฟุตบอลที่โหดขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน ซึ่ง อิบรา เองก็เชื่อเช่นนั้น

"ผมรู้สึกพอใจมาก แม้ว่าผมจะย่างเข้า 35 ปีแล้ว แต่ในใจผมคิดว่า ผมยังเป็นเด็กอายุ 20 อยู่เลย และผมคิดว่าผมสามารถเล่นได้ถึง 50 ปีเลยนะ" เดอะ ก็อด กล่าวเมื่อปลายปีที่แล้ว "อายุมากขึ้น แต่ฟอร์มของผมยิ่งดีขึ้น มันก็เหมือนไวน์แดงนั่นแหละ คุณชอบไวน์แดงไหม? ผมจะเป็นตัวอย่างให้คุณเห็น ยิ่งแก่ผมจะยิ่งเล่นดี"

อย่างไรก็ตามเขาโชคร้ายเพราะต้องมาเจ็บในเกม ยูโรป้า ลีก ที่พบกับ อันเดอร์เลชท์ ในปีที่เเล้ว จนต้องให้พักรัษาตัวจนถึง 1 ปีเต็มๆ ทว่าท้ายที่สุดเขาก็กลับมาเซ็นสัญญากับปีศาจเเดงใหม่อีกรอบเพื่อจะพิสูจน์คำพูดของเขาที่เคยว่าเอาไว้

และถ้าเล่นถึง 50 ปีได้จริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่า “ไวน์ยี่ห้อซลาตัน” จะหอมหวานขนาดไหนนะครับ

ฟาบิโอ คันนาวาโร่


แม้จะสูงเพียง 176 เซนติเมตร แต่ คันนาวาโร่ ถือเป็นกองหลังที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงมานาน และหลังจากอายุมากขึ้น ความเก๋าเกมของเขาก็ช่วยให้ พาทีมชาติอิตาลี ได้แชมป์โลกครั้งแรกในรอบ 24 ปี พร้อมกับได้รับบัลลังดอร์ครั้งแรกในชีวิต

ในตอนนั้นคือปี 2006 ที่ อดีตกองหลังยูเวนตุส ในวัย 33 ปีเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของทัพ “มักกะโรนี” จนทำให้ อิตาลี เสียเพียง 2 ประตูจาก 7 เกมที่ลงเล่น พร้อมกับได้แชมป์อย่างยิ่งใหญ่

เช่นเดียวกับ รางวัลส่วนตัวที่ไล่เรียงมาอย่างยาวเหยียด ไม่ว่าจะเป็น รางวัลซิลเวอร์บอล, ทีมยอดเยี่ยมแห่งทัวร์นาเมนต์, ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า , นักเตะแห่งปีของฟีฟ่า ฯลฯ


หลังจากจบทัวร์นาเมนต์นั้น คันนาฯ ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด พร้อมกับเป็นตัวหลักที่พา “ราชันชุดขาว” ได้แชมป์ลีกในรอบ 4 ปี ทั้งยังพาทีมป้องกันแชมป์ได้ในปีต่อมาอีกด้วย

ก่อนที่จะค่อยๆลดระดับลงด้วยการย้ายไปช่วย ยูเว่ และหันมาลองประสบการณ์ใหม่ใน เอเชีย และยังคงทำงานที่เมืองจีนจนถึงปัจจุบัน

อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่


รางวัลดาวซัลโวกัลโช่ เซเรีย อา 2009-10/ 2010-11, นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ กัลโช่ เซเรีย อา ปี 2010, ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ กัลโช่ เซเรีย อา 2010-11, 2011-12, 2012-13 และ ดาวซัลโว โคปปา อิตาเลีย 2014-15  คือ ของรางวัลส่วนตัวทั้งหมดในชีวิตของ ดิ นาตาเล่

ที่น่าสนใจคือ ครั้งแรกที่เขาได้รับรางวัลทั้งหมด อดีตดาวยิงทีมชาติอิตาลี นั้นอายุ 33 ปี

ที่เหลือเชื่อคือ ตั้งแต่ซีซั่น 2009-10 นั้น ดิ นาตาเล่ ยิงได้เกิน 20 ประตูในลีกโหดอย่าง เซเรีย อา ได้ถึง 4 ปีติดต่อกัน(อายุราวๆ 33-37 ปี) ทั้งๆที่ช่วงก่อนวัยนั้น อดีตดาวเตะเอ็มโปลี ไม่เคยยิงได้ถึงแตะหลักเลขสองแม้แต่ฤดูกาลเดียว

สุดท้าย ดิ นาตาเล่ ตัดสินใจแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2015-16 และทิ้งประวัติศาสตร์ที่กับสถิติ 227 ประตูที่เกินกว่าครึ่งนั้นเป็นประตูที่เกิดขึ้นในช่วงหลังอายุ 30 ปีไปแล้วนั่นเอง

ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ


19 ปี 858 นัด คือ ตัวเลขที่ ซาเน็ตติ ใช้ไปกับ อินเตอร์ มิลาน สโมสรที่เขารักสุดหัวใจ

โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา แฟนบอลทั่วโลกยอมรับในฝีเท้าและความเป็นสุภาพบุรุษของ ยอดแข้งชาวอาร์เจนไตน์ ที่รักษามาตราฐานฝีเท้าการเล่นได้จนถึงวันสุดท้ายที่รีไทร์ด้วยวัย 40 ปี

ที่น่าเหลือเชื่อคือ ในช่วงวัยก่อน 30 ปีของ ซาเน็ตติ(ย้ายมาตั้งแต่อายุ 22  ปี) “งูใหญ่” และเขา ได้แชมป์ร่วมกันเพียงครั้งเดียว คือ ยูฟ่า คัพ เมื่อซีซั่น 1997-98

ทว่าหลังจากนั้น ซาเน็ตติ ที่กลายเป็นกัปตันทีมถาวร พาทีมผงาดคว้าแชมป์ เซเรีย อา 5 ครั้ง, โคปปา อิตาเลีย 4 ครั้ง, ซุปเปอร์ โคปปา อิตาเลีย 4 ครั้ง, สโมสรโลก 1 ครั้ง และที่สำคัญที่สุดคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก เมื่อฤดูกาล 2009-2010 นั่นเอง

โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา อดีตแบ็คขวาตัวเทพ คอยอยู่เป็นเสาหลักให้กับทีมมาตลอด ไม่ว่ามีนักเตะย้ายออกไปกี่คน โค้ชเข้ามากี่ครั้ง(ร่วมงานกับกุนซือถึง 19 รายตลอด 19 ปีกับ อินเตอร์ฯ) หรือจะได้ข้อเสนอมหาศาลเพียงใด แต่ ซาเน็ตติ ก็ยังลงสนามอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 50 นัด ทั้งๆที่อายุใกล้เลข 4 แล้ว

ซึ่งนั่นบ่งบอกได้ดีว่า เวลาไม่อาจจะพรากความเทพของเขาไปได้เลย

อันเดรีย ปีร์โล่


ครั้งหนึ่งเขาเคยถูก เอซี มิลาน ทีมรักปล่อยตัวออกไปแบบฟรีๆ เพราะมองว่า เขาแก่เกินที่จะเล่นฟุตบอลได้ดีแล้ว และเขาคนนั้นชื่อ อันเดรีย ปีร์โล่

อดีตจอมทัพผมสวย ถูก มิลาน ทิ้งอย่างไม่ใยดี ทั้งๆที่ตลอด 10 ปี ในถิ่น ซาน ซีโร่ นั้น ปิร์โล่ เป็นส่วนสำคัญบันดาลให้กับทีมมากมาย

หลังจากนั้นในวัย 31 ปี อดีตดาวเตะทีมชาติอิตาลี ย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส พร้อมกับเสกให้ ยูเว่ ได้แชมป์ลีก 4 ปีติดต่อกัน พ่วงด้วย โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย และ ซุปเปอร์ โคปปา อิตาเลีย 2 ครั้ง

นอกจากนี้ ปีร์โล่ ยังมีส่วนสำคัญในการพา ยูเวนตุส เข้าชิงแชมเปี้ยน ลีก ครั้งแรกในรอบกว่าสิบปี น่าเสียดายเพียงที่พวกเขาต้านทานความเทพของ บาร์เซโลน่า ไม่ไหว


"การปล่อยปิร์โล่ออกไปคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม” อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ รองประธานสโมสรของ มิลาน กล่าวในภายหลัง

เพราะฉะนั้น บอกได้คำเดียวว่า อย่าดูถูกคนแก่ นะครับ

พาเวล เนดเวด


เนดเวด เป็นอีกคนที่เล่นได้ดีมากในช่วงวัยรุ่น ก่อนก้าวถึงจุดสุดยอดหลังอายุขึ้นเลขสาม

โดยเมื่อปี 2003 อดีตตำนานเช็ก ในวัย 31 ปี คว้า บัลลังดอร์ มาประดับเกียรติยศชีวิตให้กับตัวเองได้ หลังจากช่วยให้ ยูเวนตุส ได้ดับเบิ้ลแชมป์ น่าเสียดายเพียงที่เขาอดลงสนามในเกมที่ เพื่อนๆพ่าย จุดโทษ ในรอบชิงฯยูซีแอล เนื่องจากโดนโทษแบน ซึ่งหากไม่แล้วละก็ ประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังก็อาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

และตั้งแต่นั้นจนถึงวันเลิกเล่น เนดเวด ก็ยังอยู่กับ ยูเว่ มาตลอด แม้ว่าทีมจะโดนปรับตกชั้นในปี 2006 ก็ตาม

ซึ่งตลอดเวลานั้น อดีตปีกลาซิโอ เป็นกำลังสำคัญของทีมที่สู้ทุกศึกไม่ว่าจะเป็นใน เซเรีย อา, เซเรีย บี หรือ เวทียุโรป และรักษามาตราฐานได้จนถึงวันสุดท้ายในชีวิตค้าแข้ง

ลูก้า โทนี่


โทนี่ นั้นผ่านจุดสูงสุดของชีวิตค้าแข้งมาเเล้วด้วยการพาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ได้อย่างยิ่งใหญ่  แต่ไม่น่าเชื่อว่า ดาวยิงจอมพเนจร อย่างเขาจะกลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้งตอนที่อายุขึ้นเลขสาม

โดยหลังจากได้แชมป์โลกนั้น โทนี่ เล่นให้กับ ฟิออเรนติน่า อีกปี ก่อนย้ายไประเบิดฟอร์มกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้ายการพาทีมผงาด ดับเบิ้ลแชมป์ และได้รางวัลดาวซัลโวของ บุนเดสลีกา มาครองอีกด้วย เวลานั้นอดีตกองหน้าร่างยักษ์ มีอายุ 30 ปีแล้ว

หลังจากนั้น โทนี่ มีปัญหากับ หลุยส์ ฟาน กัล และเริ่มโดนดองจนต้องย้ายทีมหนีไปเรื่อย โดยอดีตดาวเตะทีมชาติอิตาลี กลับบ้านไปเล่นให้ โรม่า ,เจนัว ,ยูเวยตุส ,ฟิออเรนติน่า และยังเคยย้ายไปเล่น ยูเออี กับทีม อัล นาสเซอร์ อีกด้วย

ทว่า หลังจากนั้น โทนี่ มีปัญหากับ หลุยส์ ฟาน กัล และเริ่มโดนดอง จนต้องย้ายทีมไปเรื่อย โดย อดีตดาวเตะทีมชาติอิตาลี กลับบ้านไปเล่นให้ โรม่า , เจนัว , ยูเวนตุส , ฟิออเรนติน่า และยังเคยย้ายไปเล่น ยูเออี กับ อัล นาสเซอร์ อีกด้วย

ทว่า ไม่ว่าจะที่ใด โทนี่ กลับไม่เคยทำประตูได้ถึง 10 ลูกเลยแม้แต่ฤดูกาลเดียว ทั้งๆที่เคยเป็นถึงดาวซัลโวของ เซเรีย อา

สุดท้าย เวโรน่า ตัดสินใจเซ็นสัญญาระยะสั้นกับเสือเฒ่าในวัย 36 ปีอย่างเราไปร่วมทีมในฤดูกาล 2013-14 และ โทนี่ สามารถกู้ชื่อได้อีกครั้ง

โดยปีแรกกับ เวโรน่า เขากระหน่ำไป 21 ประตูจากการลงสนาม 36 นัด ก่อนที่ซีซั่นต่อมา จะยิง 23 ประตู พร้อมคว้าดาวซัลโวของลีกสูงสุดได้ในวัย 37 ปี

และพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเป็นแมวเก้าชีวิตผู้ไม่เคยตายอย่างแท้จริง

แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์


แม็คอัลลิสเตอร์ อาจจะเคยเก่งมาก่อนในอดีต แต่นั้นก็ต้องย้อนกลับปีในช่วงปี 1991 หรือในช่วงที่เขาอายุ 27 ปีที่เป็นส่วนหนึ่งพา ลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 มาครองได้สำเร็จ

ทว่า หลังจากนั้นผลงานของ อดีตนักเตะที่ เอริค คันโตน่า เพิ่งยกย่องว่า “เก่งที่สุดเท่าที่เคยเล่นด้วย” ก็ตกลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะยอมลดระดับมาเล่นกับทีมเล็กอย่าง โคเวนทรี่ อยู่หลายปี พร้อมตกชั้นกับทีมไปในปี 2000 ซึ่งตอนนั้น แม็คอัลลิสเตอร์ อายุ 35 ปีพอดี

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล กลับยื่นข้อเสนอให้เขาเพื่อให้มาเป็นตัวสแตนบายและคอยใช้ประสบการณ์ช่วยนักเตะดาวรุ่งในทีม เท่านั้น ทว่า อดีตกองกลางทีมชาติสก็อตแลนด์ กลับโชว์เทพจนยึดตัวจริงของทีมได้

ในปีนั้น แม็คอัลลิสเตอร์ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลในฤดูกาลแรกถึง 49 นัด พร้อมยิงไป 7 ประตู ก่อนที่จบซีซั่น เกียรติประวัติของทั้งคู่จะสะกดได้ว่า แชมป์เอฟเอ คัพ, แชมป์ลีก คัพ, แชมป์ยูฟ่า คัพ, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ แชร์ริตี้ ชิลด์ ในปีเดียวกันทั้งหมดนั่นเอง

จานลุยจิ บุฟฟ่อน


นายทวารระดับแชมป์โลก คือ ตัวอย่างชั้นดีของการบ่มเพาะประสบการณ์ตลอดชีวิต และยังไม่มีทีท่าว่า บุฟฟ่อน จะหมดสนุกกับเรื่องนี้

โดยเราไม่สามารถเขียนเกียรติประวัติส่วนตัวและจำนวนแชมป์ของ นายด่านทีมชาติอิตาลี ให้ได้ในย่อหน้าสั้นๆ(เยอะขนาดไหน เชิญเสิร์จหา) ที่น่าสนใจคือ แม้จะอายุเกือบ 40 ปี แต่ บุฟฟ่อน ยังเดินหน้าสร้างสถิติและโชว์ความหนึบอยู่เสมอ

อย่างเมื่อซีซั่นที่แล้ว มือกาววัย 39 ปี ทำลายสถิติไม่เสียประตูทำลายสถิติไม่เสียประตูติดต่อกันนานที่สุดใน เซเรีย อา ได้ โดยสถิติใหม่ที่เจ้าตัวทำได้อยู่ที่ 974 นาที ส่วนสถิติเดิมเป็นของ เซบาสเตียโน่ รอสซี่ ที่ 929 นาที

นอกจากนี้ ในฤดูกาลเดียวกัน บุฟฟ่อน ยังเป็นเจ้าของสถิติไม่เสียประตูติดต่อกันมากที่สุดตลอดกาลของ เซเรีย อา ที่จำนวน 10 นัดด้วย

ซึ่งก่อนหน้านี้ กัปตันทีมชาติอิตาลี เพิ่งออกมาประกาศว่า ยังไม่มีแผนที่จะเลิกเล่น และเชื่อเหลือเกินว่า ตราบใดที่ บุฟฟ่อน ยังค้าแข้ง เขาก็พร้อมจะสร้างปรากฎการณ์เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆแน่นอน

เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์


ต้องบอกว่าชีวิตของ ฟาน เดอ ซาร์ ควรแบ่งเป็นสองช่วงคือ ก่อนอายุขึ้นเลข 3 และ หลังอายุเลยเลข 3

โดยช่วงแรกนั้น อดีตนายด่านทีมชาติฮอลแลนด์ ประสบความสำเร็จสุดๆ หลังจากที่ช่วยให้ อาแจกซ์ฯ คว้าแชมป์มากมายชนิดเขียนได้หลายหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ในปี 1995

ก่อนที่ ฟาน เดอ ซาร์ ในวัย 29 ปี จะออกเดินทางไปยัง อิตาลี เพื่อเล่นให้กับ ยูเวนตุส ทว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร ก่อนที่ ยูเว่ จะหันไปคว้าเอา บุฟฟ่อน มาเป็นมือหนึ่ง จนทำให้ “น้าซาร์” ต้องไป

น่าเหลือเชื่อที่ชีวิตของ ฟาน เดอ ซาร์ ต้องดิ้นรนย้ายมาอยู่กับทีมน้องใหม่ในพรีเมียร์ลีกอย่าง ฟูแล่ม ซึ่งถึงตรงนั้น หลายคนคิดว่า เขาคงไม่มีโอกาสกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกแล้ว

นายด่านร่างโย่ง อยู่กับ “เจ้าสัวน้อย” นาน 4 ปี ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเข้ามามอบชีวิตใหม่ให้เขาอีกครั้ง ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่า ฟาน เดอ ซาร์ กลับมาแจ้งเกิดแบบสุดๆ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 4 สมัย, แชมป์ยูซีแอล 1 สมัย, แชมป์ลีกคัพ 1 สมัย, สโมสรโลก 1 สมัย และถ้วยอื่นๆอีกเล็กน้อย

นอกจากนี้ยังมีรางวัลส่วนตัวอีกเพียบ และที่สำคัญที่สุด คือ “น้าซาร์” จารึกชื่อในพงศาวดารลูกหนังโลกด้วยการไม่เสียประตูนานสุดในการเตะลีกอาชีพยุโรป ที่จำนวน 1,311 นาที ในฤดูกาล 2008–09 อันเป็นสถิติที่ยากแต่การทำลายจริงๆ

ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า คนอายุขนาดนั้น จะสร้างสถิติที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้…


แทงบอล สมัครเอเย่นต์ufabet ทางเข้าufabet

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จุดเด่น จุดอ่อน ของแผนฟุตบอล 4-4-2

คู่ซี้วีรกรรมเฟี้ยว: 10 ดูโอ้แข้งระดับโลกที่ซี้ย่ำปึ้กกันทั้งใน… และนอกสนาม

10 แข้งเก่งและสวยมาก